ข่าวสารและสื่อ

อัปเดตข่าวสารจากสื่อหลากหลายช่องทาง ล่าสุดได้ที่นี่

แสนสิริเปิดตัว 8 คอนโดมิเนียม ปี 2560 มูลค่ารวม 22,000 ล้านบาท


แสนสิริประกาศแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมปี 2560 เปิด 8 คอนโดโครงการใหม่ มูลค่ารวม 22,000 ล้านบาท ชูไฮไลท์ปีนี้รุก PropTech เต็มตัว บุกตลาดคอนโดมิเนียมทำเลใหม่ “สาทร” และ “เพชรเกษม” รวมทั้งรุก ลAffordable Condominium หรือคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ราคา  1 – 3 ล้านบาทที่ได้รับการตอบรับที่ดี เตรียมเปิดตัว ดีคอนโด แคมปัส ทำเลใหม่ ขณะที่ตลาดต่างจังหวัดเล็งเปิดคอนโดมิเนียมในจังหวัดที่มีดีมานต์อย่างเชียงใหม่ต่อเนื่อง พร้อมขยายฐานลูกค้าชาวต่างชาติ เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ “ญี่ปุ่น-ดูไบ” ตั้งเป้ายอดขายตลาดต่างชาติปีนี้ถึง 7,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 40% จากปีก่อน ลุยต่อคอนโดฯ ไฮเอนด์ ใจกลางเมืองย่านธุรกิจอีก 2 ทำเล “สุขุมวิท” และ “ทองหล่อ” เผยมี.ค.นี้ เตรียม Grand Opening เปิดโฉม  “98 Wireless” (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) โครงการแฟลกชิปคอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดบนถ.วิทยุอย่างเป็นทางการ และสานต่อความสำเร็จ KHUN by YOO inspired by Starck (คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค) บนใจกลางทองหล่อ  ซึ่งโกยยอดขายไปแล้วถึงกว่า 65% พร้อมจ่อคิวโอนเดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต คอนโดฯ ภายใต้ความร่วมมือกับบีทีเอส มูลค่ารวม 5,700  ล้านบาท เดือนกันยายน 2560
 
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในการพัฒนาคอนโดมิเนียมปี 2560 นั้น เตรียมเปิด 8 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ มูลค่ารวม 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็นที่กรุงเทพฯ จำนวน 6 โครงการ และต่างจังหวัดอีก 2 โครงการ ตั้งเป้ายอดขายคอนโดมิเนียม 21,000 ล้านบาท โดยแนวทางการพัฒนาคอนโดมิเนียมในปี 2560 บริษัทจะต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา ได้แก่ 1.การรุกตามแผนสร้าง Innovation and digital ecosystem โดยการจัดตั้งบริษัทลูกในลักษณะของ Venture Capital ขึ้นเพื่อมองหาโอกาสในการลงทุนธุรกิจประเภท “Property Tech” โดยได้ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ ก่อตั้ง Venture Capital ในชื่อบริษัท สิริ เวนเจอร์ จำกัด SIRI VENTURE โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นระหว่างแสนสิริ และธนาคารไทยพาณิชย์  90:10 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ลงทุนและพัฒนาในนวัตกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่ออนาคต และการใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัยหรือ “พร็อพเพอร์ตี้ เทคโนโลยี” (Property Technology) อย่างเต็มรูปแบบรายแรกของไทย เพื่อการดำเนินธุรกิจ พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่  สำหรับลูกค้าตลอดเวลา โดยยกระดับศักยภาพของ Home Service โมบายแอพพลิเคชัน สำหรับลูกบ้านแสนสิริ เพื่อบริการรูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมทุกมิติของการใช้ชีวิต และสามารถขยายขอบข่ายบริการในตลาดที่กว้างขึ้น ซึ่งปัจจุบัน  Home Service มีจำนวนผู้ใช้ซึ่งเป็นลูกบ้านของแสนสิริแล้วจำนวนถึงกว่า 13,000 ราย ใน 135 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียม นอกจากนี้ยังได้นำระบบ Smart Home Integration มาใช้ โดยเปิดตัวใช้ที่โครงการ 98 Wireless (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) และโครงการ The XXXIX (เดอะ เทอร์ทีไนน์) โครงการเป็นครั้งแรก
 
2. การสานต่อความสำเร็จของโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่องอีกจำนวน 4 โครงการ มูลค่ากว่า 12,000  ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “เดอะ โมนูเมนต์” และ “เดอะ เบส” เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังทยอยโอน เดอะ ไลน์ สุขุมวิท71 โครงการคอนโดมิเนียมที่แล้วเสร็จ 100% เป็นโครงการแรกภายใต้ความร่วมมือของสองบริษัทที่จะเริ่มรับรู้กำไร โดยปัจจุบันโอนไปแล้ว 80% รวมทั้งจ่อคิวโอนโครงการ เดอะ ไลน์ จตุจักร – หมอชิต ซึ่งเป็นเดอะ ไลน์ โครงการแรกของบริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส มูลค่าประมาณ 5,700  ล้านบาท ในเดือนกันยายน 2560

3. การรุกทำการตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้น ด้วยการเจาะกลู่มลูกค้าใหม่ “ญี่ปุ่น” และ “ดูไบ” และขยายฐานลูกค้าเดิมอย่างลูกค้าชาวจีน ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในเดือนมีนาคมนี้ ได้เตรียม Grand Opening เดอะ ไลน์ 2 โครงการ คือ “เดอะ ไลน์ พหลฯ – ประดิพัทธ์” และ “เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101” แบบ Global launch เต็มรูปแบบใน 4 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และจีน ขณะที่คอนโดมิเนียมโครงการอื่นก็วางแผนที่จะนำไปโรดโชว์กับลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้ายอดขายตลาดต่างชาติในปีนี้ไว้ถึง 7,500 ล้านบาท เติบโตจากปี 2559 ที่บริษัทสามารถสร้างยอดขายตลาดต่างชาติได้  5,400 ล้านบาท ถึงเกือบ 40%
 
4. การเปิดตัวโครงการระดับไฮเอนด์ในสัดส่วนที่มากขึ้น โดยเตรียมเปิดคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ในใจกลางเมืองย่านธุรกิจอีก 2 ทำเล คือ สุขุมวิทและทองหล่อ

5. บุกทำเลใหม่ สำหรับไฮไลท์ในปีนี้บริษัทจะบุกตลาดคอนโดมิเนียมในทำเลที่บริษัทไม่เคยเปิดตัวมาก่อน อาทิ “เพชรเกษม” และ “สาทร” รวมถึงยังเตรียมเปิดตัว ดีคอนโด แคมปัส ซึ่งเป็น Affordable Condominium หรือคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ราคา 1 – 3 ล้านบาท ในทำเลใหม่ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอีกด้วย ขณะที่ตลาดต่างจังหวัดเล็งเปิดคอนโดมิเนียมในจังหวัดที่มีดีมานต์อย่างเชียงใหม่ต่อเนื่อง

และ 6. การเปิดตัวแฟลกชิปคอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดทั้งในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ โดยเตรียมเปิดตัวโครงการ “98 Wireless” (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) แฟลกชิปคอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดทั้งในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนทำเลที่พักอาศัยระดับเอ็กซ์คลูซีฟบนถนนวิทยุ มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,700 ล้านบาทอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม
 
“บริษัทตั้งเป้ายอดขายคอนโดมิเนียมในปี 2560 ไว้ที่ 21,000 ล้านบาท รวมทั้งประมาณการณ์รายได้คอนโดมิเนียมไว้ที่ 13,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36% จากยอดขายรวมทั้งปี 36,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ยอดขายคอนโดมิเนียมน่าจะได้ตามเป้า นอกจากนี้แล้วยังทยอยรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมที่ทยอยโอนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิเอดจ์ สุขุมวิท 23 (EDGE Sukhumvit 23) ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา, ดีคอนโด รังสิต, ดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท บางแสน, บ้านปลายหาด วงศ์อมาตย์ พัทยา,  ดีคอนโด นิม เชียงใหม่ รวมถึงล่าสุดยังประสบความสำเร็จสามารถโอนโครงการคอนโดมิเนียม  The XXXIX’ (เดอะ เทอร์ทีไนน์) ได้หมด 100% นอกจากนี้ยังสานต่อความสำเร็จโครงการคอนโดมิเนียม KHUN by YOO inspired by Starck (คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค) บนใจกลางทองหล่อ  ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเป็นอย่างมาก ปัจจุบันโกยยอดขายไปแล้วถึงกว่า 65%” แสนสิริ กล่าว
 
สำหรับคอนโด ทองหล่อโครงการ คอนโดมิเนียม KHUN by YOO inspired by Starck (คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค) มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท บนใจกลางทองหล่อ ที่ได้รับการตอบรับที่ดีในตอนนี้นั้น ที่มาของความชอบของลูกค้าเนื่องจากเป็นโครงการ Branded Condominium แห่งแรกของแสนสิริ ที่ได้จับมือกับ YOO Design Studio (ยู ดีไซน์ สตูดิโอ) บริษัทดีไซน์ระดับโลก รวมถึง Philippe Starck (ฟิลิปป์ สตาร์ค) นักออกแบบอัจฉริยะชื่อดังของโลก เพื่อสร้างผลงานระดับ Iconic Piece ที่มีเอกลักษณ์และคุณภาพมาตรฐานระดับโลก บนสุดยอดทำเลแห่งการพักอาศัยใจกลางเมืองซึ่งหาได้ยากและเป็นที่ต้องการมากที่สุด ภายใต้แนวคิดการออกแบบที่สะท้อนบุคลิกอันเด่นชัดของพื้นที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการใช้ชีวิตและสีสันของไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ที่ครบวงจร และสมบูรณ์แบบที่สุดของกรุงเทพฯ
 
สำหรับที่มาของความร่วมมือกับ YOO Design Studio (ยู ดีไซน์ สตูดิโอ) บริษัทดีไซน์ระดับโลก นั้น YOO Design Studio เปิดเผยว่า YOO Design Studio (ยู ดีไซน์ สตูดิโอ) ได้ร่วมงานกับแสนสิริเป็นครั้งแรก เพื่อสร้างสรรค์โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร สำหรับลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบงานดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และชื่นชอบไลฟ์สไตล์ที่วูบไหวของย่านทองหล่อ โดยโครงการออกแบบภายใต้แนวคิด “Industrial Heritage” สะท้อนความทันสมัยของย่านทองหล่อ ทำเลที่พักอาศัยคุณภาพใจกลางเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานของกรุงเทพฯ  ผสานความหรูหรา ทันสมัย กับความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยเส้นสายที่สร้างลวดลายสมมาตรทำให้เกิดจังหวะที่ต่อเนื่อง การเลือกใช้วัสดุที่ผสมผสานระหว่างความหรูหราอย่างหินอ่อน และความแปลกใหม่ อย่างปูนเปลือย ทองแดง หินขัด ฯลฯ  การออกแบบภายในมีการเล่นสีสันที่ตัดกันและใช้เฟอร์นิเจอร์รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ (Oversize) โดยให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นการใช้สอยอย่างครบถ้วนลงตัว เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หลงใหลในงานดีไซน์ที่ผสมผสานงานศิลปะ ทั้งนี้โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่ ใจกลางซอยทองหล่อ 12 เป็นอาคารคอนโดมิเนียมสูง 27 ชั้น จำนวน 148 ยูนิต ประกอบด้วยยูนิต 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน 3 ห้องนอน และเพนต์เฮาส์ พื้นที่ตั้งแต่ 41.50 - 302.75 ตารางเมตร มูลค่ารวม  4,000 ล้านบาท ราคายูนิตเริ่มต้น 15 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2563 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปชมโครงการได้ที่ Sales Gallery ซอยทองหล่อ 12 ที่ได้ออกแบบรูปแบบ Material Exhibition โดดเด่นไม่ซ้ำใคร สร้างแรงบันดาลใจแห่งการพักอาศัยอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในเมืองไทย หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.sansiri.com/condominium/khunbyyoo/th/ หรือโทร 1685