แอร์ไม่เย็นมีแต่ลมทำยังไง พร้อมวิธีแก้แอร์ไม่เย็นออกแต่ลม

3. ติดตั้งแอร์ผิดตำแหน่ง

การติดตั้งแอร์ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม ส่งผลโดยตรงต่อความเย็น เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้แอร์เย็นไม่ทั่วห้อง และสิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่รู้ตัว หากติดตั้งคอยล์เย็น (ตัวในห้อง) ใกล้แหล่งความร้อน เช่น บริเวณที่โดนแดดส่องถึงโดยตรง จะทำให้เซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิทำงานผิดพลาด ระบบจะเข้าใจว่าห้องยังไม่เย็นพอ จึงทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานต่อเนื่อง ส่งผลให้แอร์ทำงานหนัก กินไฟ และอายุการใช้งานสั้นลง

ในทางกลับกัน หากติดตั้งคอยล์ร้อน (ตัวนอกบ้าน) ในที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น ที่อับหรือแคบเกินไป จะทำให้การระบายความร้อนออกจากระบบทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ความร้อนสะสมจะทำให้คอมเพรสเซอร์ร้อนจัด

4. ตั้งค่ารีโมทผิด

การตั้งค่ารีโมทผิด เช่น การกดเปิดโหมด Fan แทนที่จะเป็นโหมด Cool เป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์ปล่อยแค่ลมออกมา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนพบว่า แอร์ไม่เย็นมีแต่ลม หากแอร์ไม่เย็นออกแต่ลมเพราะสาเหตุนี้ แก้ไขได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว เพียงกดปุ่มปรับโหมด Cool แอร์ก็จะเย็นฉ่ำเช่นเดิม

5. ฝุ่นเกาะฟิลเตอร์กรองอากาศ หรือไส้กรองแอร์อุดตัน

ฟิลเตอร์กรองอากาศหรือแผ่นกรองฝุ่นแอร์ ทำหน้าที่ดักจับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ก่อนที่อากาศจะถูกดูดเข้าไปยังคอยล์เย็น เมื่อใช้งานไปนาน ๆ โดยไม่ได้ล้างหรือทำความสะอาด ฝุ่นจะเกาะสะสมหนาแน่นจนเกิดการอุดตันทำให้ลมไม่สามารถไหลผ่านคอยล์เย็นได้สะดวก ทำให้แอร์เย็นช้าหรือเย็นไม่ทั่วห้อง คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักและกินไฟมากขึ้นและในกรณีที่รุนแรง อาจทำให้เกิดน้ำแข็งเกาะที่คอยล์เย็นจนแอร์ไม่เย็นได้ ดังนั้นจึงควรถอดฟิลเตอร์ออกมาล้างด้วยน้ำสะอาด ทุก 2–4 สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและฝุ่นในพื้นที่) และเช็ดให้แห้งก่อนใส่กลับ เพื่อป้องกันเชื้อราและกลิ่นอับ

6. ประตู หน้าต่างปิดไม่สนิท ห้องมีรูรั่วหรือช่องว่างให้แอร์ออก

อีกหนึ่งสาเหตุของแอร์ไม่เย็นที่พบได้บ่อย คือ ประตูหน้าต่างปิดไม่สนิทหรือห้องมีช่องรอยต่อ ทำให้อากาศเย็นรั่วไหลออกไป และอากาศร้อนจากภายนอกเข้ามาแทนที่ อีกทั้งยังส่งผลให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อรักษาอุณหภูมิ ไม่ให้แอร์ทำงานหนัก แอร์กินไฟมากขึ้น พร้อมทั้งมีอายุการใช้งานสั้นลง

7. น้ำยาแอร์รั่ว หรือน้ำยาแอร์น้อยเกินไป

โดยปกติน้ำยาแอร์ (สารทำความเย็น) จะอยู่ในระบบปิดและไม่ควรลดลงเอง หากแอร์ไม่เย็นออกแต่ลม หรือมีน้ำแข็งเกาะตามท่อของคอยล์ร้อนหรือคอยล์เย็น อาจเป็นสัญญาณว่าน้ำยาแอร์มีปริมาณน้อยเกินไป ซึ่งมักเกิดจากการรั่วซึมในระบบท่อหรือจุดเชื่อมต่อจากการเสื่อมสภาพจากการใช้งานมานาน การติดตั้งที่ไม่ดีตั้งแต่แรกหรือการกัดกร่อนจากความชื้นหรือไอเค็ม การเติมน้ำยาแอร์โดยไม่แก้ไขรอยรั่วเป็นการแก้ปัญหาเพียงชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้น เมื่อสงสัยว่าน้ำยาแอร์รั่ว ควรเรียกช่างแอร์มืออาชีพมาตรวจสอบหารอยรั่ว ซ่อมแซม ก่อนเติมน้ำยาแอร์ใหม่ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อการแก้ปัญหาที่ตรงจุด

8. น้ำหยดหรือท่อน้ำทิ้งตัน

ในขณะทำงานเครื่องปรับอากาศจะเกิดการควบแน่นของไอน้ำในอากาศภายในคอยล์เย็น หยดน้ำที่เกิดขึ้นจะถูกเก็บไว้ในถาดรองน้ำทิ้งก่อนระบายออกผ่านท่อน้ำทิ้งไปภายนอกเครื่อง แต่เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ท่อระบายน้ำอาจเกิดการอุดตันจากฝุ่น เมือก เชื้อรา หรือคราบตะไคร่ น้ำจึงเริ่มขังอยู่ในถาดรองน้ำทิ้งภายในเครื่อง เมื่อระดับน้ำสูงขึ้น เซ็นเซอร์ลูกลอย (Float Switch) ที่เป็นระบบป้องกันน้ำล้นจะทำงาน โดยจะสั่งตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ทันทีเพื่อหยุดกระบวนการทำความเย็นทั้งหมด ส่งผลให้แอร์เป่าออกมาแต่ลมธรรมดาและไม่เย็นอีกต่อไป

9. พัดลมคอนเดนเซอร์ไม่หมุน หรือ หมุนช้า

พัดลมคอนเดนเซอร์ที่คอยล์ร้อน (Condenser) ด้านนอกอาคาร มีหน้าที่สำคัญในการระบายความร้อนออกจากสารทำความเย็น หากพัดลมไม่หมุนหรือหมุนช้ากว่าปกติจะทำให้การระบายความร้อนทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ความร้อนยังคงสะสมอยู่ในระบบส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเพื่อรักษาแรงดัน และหากความร้อนสะสมมากเกิน ระบบจะตัดการทำงานอัตโนมัติเพื่อป้องกันความเสียหาย ส่งผลให้แอร์ไม่เย็น

10. คอมเพรสเซอร์แอร์ขัดข้อง

แอร์จะไม่สามารถทำความเย็นได้ หากคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากปัญหาทางไฟฟ้า ชิ้นส่วนบางอย่างเสียหาย หรือระดับน้ำยาแอร์ต่ำเกินไป ในกรณีที่แอร์ไม่เย็นออกแต่ลมด้วยสาเหตุนี้ แนะนำให้เรียกช่างแอร์มาตรวจเช็ก เพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุดและปลอดภัย

5 วิธีแก้ปัญหาแอร์ไม่เย็นเบื้องต้นด้วยตัวเอง

มาดู 5 วิธีแก้ไขปัญหาแอร์ไม่เย็นเบื้องต้นด้วยตัวเองกันเลย รู้ไว้ได้ใช้แน่นอน

1. ปรับโหมดรีโมทแอร์ให้ถูกต้อง

เมื่อพบกับปัญหาแอร์ไม่เย็นหรือแอร์ไม่เย็นออกแต่ลม ขั้นตอนแรกในการแก้ปัญหา คือ เช็กการตั้งค่ารีโมทแอร์ โดยลองเช็กดูว่า แอร์อยู่ในโหมด Cool หรือโหมดทำความเย็นหรือไม่ หากพบว่าอยู่ในโหมด Fan (พัดลม) หรือ Dry (ลดความชื้น) ให้เปลี่ยนเป็นโหมด Cool ทันที นอกจากนี้ ควรตั้งอุณหภูมิประมาณ 25 องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่าเล็กน้อย เพื่อความเย็นที่เหมาะสม

2. ทำความสะอาดฟิลเตอร์แอร์

หากแอร์ไม่เย็นด้วยสาเหตุฟิลเตอร์แอร์สกปรก สามารถแก้ไขได้ด้วยการถอดมาล้าง เพียงล้างด้วยน้ำเปล่าหรือใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาด และตากไว้ให้แห้งสนิท จากนั้นประกอบกลับเข้าที่เดิม ควรทำความสะอาดทุก 2 สัปดาห์

3. เช็กการทำงานของคอมเพรสเซอร์

กรณีที่ลองเช็กการตั้งค่ารีโมท และล้างฟิลเตอร์แล้วแอร์ยังไม่เย็น ให้ไปสังเกตการทำงานของคอยล์ร้อน (ตัวที่อยู่นอกบ้าน) โดยลองฟังเสียงว่าคอมเพรสเซอร์สั่นหรือทำงานตามปกติหรือไม่ และพัดลมระบายอากาศต้องหมุนพร้อมปล่อยลมร้อนออกมา หากพบว่าคอมเพรสเซอร์เงียบสนิท มีเสียงดังผิดปกติ หรือพัดลมเป่าลมที่ไม่ร้อนออกมา อาจเป็นสัญญาณว่าระบบทำความเย็นมีปัญหา ควรเรียกช่างแอร์มาตรวจสอบเพื่อแก้ไขทันที

4. ตรวจสอบการรั่วซึมที่แอร์

เมื่อแอร์ไม่เย็นออกแต่ลม ลองเช็กว่าแอร์มีอาการผิดปกติอื่นหรือไม่ เช่น มีเสียงฟู่ มีน้ำแข็งเกาะที่ท่อน้ำยา หรือมีน้ำหยดหรือไม่ ถ้ามีควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ และซ่อมแซมทันที

6. ตรวจสอบรอบการล้างแอร์

โดยปกติแล้วควรล้างแอร์ทุก 4 - 6 เดือน เพื่อลดโอกาสการเกิดปัญหาแอร์ไม่เย็น โดยการล้างแอร์หมายถึง การทำความสะอาดฟิลเตอร์ คอยล์เย็น และส่วนอื่น ๆ ของตัวเครื่องปรับอากาศ ใครที่ไม่มั่นใจในการล้างด้วยตนเอง ควรให้ช่างเป็นคนล้างให้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้

แอร์ไม่เย็น ควรล้างเองหรือจ้างช่างดี?

หลายคนอาจลังเลว่า แอร์ไม่เย็นออกแต่ลมควรล้างเองหรือจ้างช่างดี การตัดสินใจขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหา หากเป็นเพียงการทำความสะอาดทั่วไป สามารถล้างแอร์ด้วยตนเองได้ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ต้องระมัดระวัง และปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนในกรณีที่แอร์ไม่เย็นหรือแอร์ไม่เย็นมีแต่ลมแบบไม่ทราบสาเหตุ แนะนำให้จ้างช่างแอร์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะอาจเกิดจากหลายสาเหตุที่ซับซ้อน เช่น น้ำยาแอร์รั่ว หรือคอมเพรสเซอร์เสีย ซึ่งช่างแอร์สามารถตรวจสอบปัญหาได้อย่างละเอียด และแก้ไขได้ตรงจุด

แนะนำวิธีเลือกช่างแอร์มืออาชีพ

การแก้ปัญหาแอร์ไม่เย็นเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างสบายในหน้าร้อน ควรคอยตรวจสอบความผิดปกติของแอร์ และหากปัญหายังคงอยู่หลังจากลองแก้ไขด้วยตนเองแล้ว ไม่ควรลังเลที่จะเรียกช่างมาตรวจสอบ เพราะอาจมีปัญหาที่ซับซ้อนกว่า โดยการดูแลรักษาแอร์อย่างถูกวิธี และแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงทีไม่เพียงช่วยให้แอร์เย็นฉ่ำแล้ว แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งาน และประหยัดค่าไฟฟ้าในระยะยาวอีกด้วย

ซึ่งการเลือกช่างแอร์ที่ดีควรพิจารณาจากประสบการณ์และความน่าเชื่อถือ โดยอาจหาข้อมูลจากรีวิวของลูกค้าเก่าหรือจากคำแนะนำของคนรู้จัก ช่างมืออาชีพควรสามารถประเมินอาการและแจ้งค่าใช้จ่ายเบื้องต้นได้อย่างชัดเจนก่อนเริ่มงาน มีการรับประกันผลงานซ่อมเพื่อความมั่นใจ และสามารถอธิบายสาเหตุของปัญหาพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลรักษาแอร์ในระยะยาวได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณได้รับการบริการที่คุ้มค่าและแก้ปัญหาได้ตรงจุด

จบทุกปัญหาดูแลบ้านกับบริการ แสนสิริ โฮมแคร์

อยากใส่ใจดูแลบ้านทุกมิติแต่ไม่ค่อยมีเวลา แสนสิริ โฮมแคร์ ช่วยหาทางออกให้คุณได้แน่นอน สำหรับลูกบ้านแสนสิริ สามารถใช้บริการ Sansiri Home Application ที่มีบริการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน ให้รู้ว่ามีส่วนไหนของบ้านที่ถึงกำหนดเวลาต้องซ่อมบำรุงแล้วบ้าง เหมือนมีช่างมืออาชีพคอยดูแลตลอดการอยู่อาศัย

ที่มา: Carrierthailand, q-chang