10 วิธีแก้ห้องเหม็นอับ ขจัดกลิ่นอับในห้องให้กลับมาหอมสดชื่น

1. รักษาความสะอาดภายในห้อง

การทำความสะอาดห้องอย่างสม่ำเสมอถือเป็นวิธีแก้ห้องเหม็นอับที่ได้ผลชัดเจน และทำได้ง่ายควรทำความสะอาดห้องควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยเน้นการดูดฝุ่น เช็ดถูพื้น และเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวต่าง ๆ เช่น โต๊ะ ชั้นวางของ และเฟอร์นิเจอร์ เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองและคราบสกปรก ซึ่งเป็นแหล่งของเชื้อโรคและสาเหตุหลักที่ทำให้ห้องเหม็นอับ

การทำความสะอาดควรใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อ แต่ไม่มีกลิ่นฉุนจนเกินไป และพยายามทำความสะอาดในจุดที่มักถูกมองข้าม เช่น ใต้เตียง หลังตู้ หรือมุมห้องที่เข้าถึงยาก ซึ่งมักเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นและเชื้อรา

2. เปิดหน้าต่างระบายอากาศ

การเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวกเป็นวิธีแก้ห้องเหม็นอับที่ง่ายและได้ผลดี การระบายอากาศช่วยไล่ความชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกจากห้อง ช่วยให้อากาศที่มีความสดชื่นไหลเวียนเข้ามาแทนที่กลิ่นเหม็นอับ การเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศควรทำทุกเช้า อย่างน้อย 15-30 นาที แต่ในกรณีที่ห้องไม่มีหน้าต่างหรือมีหน้าต่างน้อย ให้เปิดประตูทิ้งไว้แล้วเปิดพัดลมช่วยในการหมุนเวียนอากาศ

3. ซักเครื่องนอนอย่างสม่ำเสมอ

เครื่องนอน ถือเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ทั้งจากคราบเหงื่อไคล น้ำมันจากผิวหนัง เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรกอื่น ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ห้องเหม็นอับ ดังนั้นการซักทำความสะอาดชุดเครื่องนอนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน และปลอกผ้านวมทุก 1-2 สัปดาห์ จะช่วยลดกลิ่นอับภายในห้องได้

4. งดการรับประทานอาหารในห้องนอน

การรับประทานอาหารหรือขนมในห้องนอนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ห้องเหม็นอับ เพราะกลิ่นอาหารที่คละคลุ้งอาจติดตามเฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน หรือเครื่องนอน จนก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นอับในห้อง

นอกจากนี้เศษอาหารที่ตกหล่นตามพื้นเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียที่ยิ่งทำให้ห้องเหม็นอับมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารภายในห้อง หรือหากจำเป็นต้องรับประทานอาหารในห้องนอนจริง ๆ ควรใช้ถาดรองและเก็บกวาดทำความสะอาดทันทีหลังรับประทานเสร็จ รวมถึงทิ้งขยะเศษอาหารในถังขยะนอกห้องนอน เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นอาหารติดค้างในห้อง

5. ไม่นำผ้ามาตากในห้องนอน

เครื่องนอน ถือเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ทั้งจากคราบเหงื่อไคล น้ำมันจากผิวหนัง เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรกอื่น ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ห้องเหม็นอับ ดังนั้นการซักทำความสะอาดชุดเครื่องนอนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน และปลอกผ้านวมทุก 1-2 สัปดาห์ จะช่วยลดกลิ่นอับภายในห้องได้

6. ซักผ้าประจำ ไม่กองหมักหมม

เสื้อผ้าที่ใช้แล้วมักเต็มไปด้วยคราบเหงื่อ น้ำมันจากผิวหนัง และกลิ่นจากมลภาวะที่เผชิญในแต่ละวัน หากปล่อยให้กองสุมในห้องเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดกลิ่นอับได้ง่าย โดยเฉพาะเสื้อผ้าสำหรับออกกำลังกายหรือที่ชุ่มเหงื่อ ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้น ควรแยกเสื้อผ้าที่ใช้แล้วไว้ในตะกร้าที่มีฝาปิดมิดชิด หรือหากเป็นไปได้ ควรวางตะกร้าไว้นอกห้องนอน สำหรับเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อ ควรซักทันทีหรือตากให้แห้งก่อนใส่ลงตะกร้า เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับ และควรซักเสื้อผ้าเป็นประจำ ไม่ปล่อยให้สะสมจนล้นตะกร้า

7. ดูความสะอาดเครื่องปรับอากาศ

เครื่องปรับอากาศที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดเป็นประจำจะกลายเป็นแหล่งสะสมของฝุ่น เชื้อรา และแบคทีเรีย ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานสิ่งสกปรกเหล่านี้จะกระจายไปทั่วห้อง ทำให้ห้องเหม็นอับและส่งผลต่อปัญหาสุขภาพ

ดังนั้นควรทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศทุก 2 สัปดาห์ โดยการถอดออกมาล้างด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ และตากให้แห้งสนิทก่อนใส่กลับเข้าไป นอกจากนี้ควรล้างแอร์ทุก ๆ 6 เดือน เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค และเปิดเครื่องปรับอากาศในโหมดพัดลมเป็นครั้งคราว เพื่อให้อากาศหมุนเวียนและลดความชื้นในห้อง ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นเหม็นอับ

8. ใช้น้ำหอมปรับอากาศในห้อง

น้ำหอมปรับอากาศเป็นตัวช่วย วิธีแก้ห้องเหม็นอับที่สะดวกรวดเร็ว แถมยังทำได้ง่าย และสามารถเลือกกลิ่นที่ชอบได้ เช่น ลาเวนเดอร์ มะนาว หรือยูคาลิปตัส ได้อีกด้วย โดยใช้เครื่องฉีดน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย ฉีดพ่นในอากาศห่างจากเฟอร์นิเจอร์และผ้าม่าน หรือใช้เครื่องพ่นไอน้ำที่สามารถเติมน้ำมันหอมระเหยได้ ซึ่งนอกจากจะให้กลิ่นหอมแล้ว ยังช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศได้ดี

แต่ควรเลือกใช้น้ำหอมปรับอากาศอย่างระมัดระวัง เพราะผลิตภัณฑ์ปรับอากาศบางชนิดมีส่วนผสมของสารเคมี อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคภูมิแพ้หรือหอบหืด ดังนั้นควรเลือกใช้น้ำหอมปรับอากาศที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

9. นำน้ำส้มสายชูช่วยดับกลิ่นอับ

น้ำส้มสายชูเป็นสารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการกำจัดกลิ่นและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงเป็นทางเลือกที่ดีในการแก้ปัญหาห้องเหม็นอับ ซึ่งสามารถใช้งานได้ง่าย ๆ โดยการนำน้ำส้มสายชูขาวผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1:1 ใส่ในขวดสเปรย์ และฉีดพ่นในอากาศหรือบนพื้นผิวที่ต้องการกำจัดกลิ่น เช่น พรม ผ้าม่าน หรือเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้า

10. วางใบเตยดับกลิ่นอับในห้อง

ใบเตยเป็นพืชสมุนไพรที่มีกลิ่นที่หอมเป็นเอกลักษณ์ และมีคุณสมบัติในการดับกลิ่นอับภายในห้องและต้านเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย วิธีการใช้ใบเตยในการดับกลิ่นเหม็นอับทำได้หลายวิธี เช่น นำใบเตยสดมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ และวางไว้ในถ้วยหรือกระถางเล็ก ๆ ตามมุมห้อง หรือจะนำใบเตยมาตากแห้งและบรรจุในถุงผ้าเล็ก ๆ วางไว้ในตู้เสื้อผ้า ลิ้นชัก หรือมุมห้องก็สามารถช่วยดับกลิ่นอับได้เป็นอย่างดี

28 รูปภาพมงคลเรียกทรัพย์ที่ควรมีติดบ้านไว้เสริมความมั่งคั่ง

1. ไม่มีหน้าต่างระบายอากาศ

สำหรับห้องที่ไม่มีหน้าต่าง หรือช่องระบายอากาศเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ห้องเหม็นอับ เพราะอากาศไม่ถ่ายเททำให้ภายในห้องเกิดความชื้น มีกลิ่น และสารพิษต่าง ๆ ทำให้ห้องมีกลิ่นอับที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้อากาศไม่มีการหมุนเวียน ฝุ่นละออง เชื้อรา และแบคทีเรียจึงเจริญเติบโตได้ดีและสร้างกลิ่นเหม็นอับ

นอกจากนี้ การหายใจของมนุษย์ยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และความชื้น ซึ่งเมื่อสะสมในห้องที่ปิดสนิทจะยิ่งทำให้อากาศเสียและมีกลิ่นอับมากขึ้น

2. ปล่อยห้องสกปรก ไม่ทำความสะอาด

การปล่อยให้ห้องรก ไม่ทำความสะอาด จนทำให้เกิดการสะสมของฝุ่น เศษอาหาร เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรกอื่น ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอาหารชั้นดีของเชื้อรา แบคทีเรีย และไรฝุ่น ทำให้พวกมันเจริญเติบโตได้ดี ทำให้ห้องกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค อีกทั้งการสะสมของฝุ่นและเชื้อรา ยังทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับ ทำให้หายใจได้ลำบาก หากสูดดมเข้าไปเป็นประจำยังเสื่ยงต่อการเกิดอาการภูมิแพ้อีกด้วย

3. กลิ่นอับจากเสื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์

เสื้อผ้าที่ใช้แล้วและไม่ได้ซักทันที โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อหรือเปียกฝน จะเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับ เมื่อปล่อยให้กองสุมในห้อง กลิ่นเหล่านี้จะแพร่กระจายไปทั่ว และอาจติดไปยังเสื้อผ้าอื่น ๆ ในตู้เสื้อผ้า นอกจากนี้เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้า เช่น โซฟา เบาะ หมอน และที่นอน มักดูดซับเหงื่อ น้ำมันจากผิวหนัง และสิ่งสกปรกอื่น ๆ ได้ดี เมื่อไม่ได้รับการทำความสะอาดเป็นประจำ จะสะสมความชื้นและกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อราและแบคทีเรีย กลายเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่นและเชื้อราที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับและอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้

4. ห้องมีฝุ่นสะสมอยู่เยอะ

ฝุ่นละอองเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก หากปล่อยให้สะสมมากเกินไป จะกลายเป็นแหล่งอาหารของไรฝุ่นและเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับ ฝุ่นประกอบด้วยเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว เส้นผม เศษอาหาร ละอองเกสร และอนุภาคอื่น ๆ ที่ล่องลอยในอากาศและตกลงมาสะสมบนพื้นผิวต่าง ๆ

5. ห้องมีความชื้นสูง

ห้องที่มีความชื้นสูงเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดเชื้อราและทำให้ห้องเหม็นอับ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศร้อนชื้นหรือในฤดูฝน ความชื้นสูงสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับ แต่ยังอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น อาการแพ้ หอบหืด หรือโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ได้

6. เลี้ยงสัตว์ในห้อง

การเลี้ยงสัตว์ในห้องนอนอาจเป็นสาเหตุของการเกิดห้องเหม็นอับได้ สัตว์เลี้ยงทุกชนิดมีกลิ่นตัวเฉพาะ และยังมีปัญหาขนร่วง น้ำลาย ปัสสาวะ และอุจจาระที่อาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ แม้ว่าคุณจะทำความสะอาดกรงหรือถาดทรายอย่างสม่ำเสมอ แต่กลิ่นบางส่วนอาจติดอยู่ในพรม ผ้าม่าน หรือเฟอร์นิเจอร์ในห้อง