งูเข้าบ้าน ความเชื่อโบราณว่าไม่ดีจริงไหมมาไขข้อสงสัยกัน

1. สังเกตว่าเป็นงูที่มีพิษหรือไม่

เมื่องูเข้าบ้านสิ่งแรกที่ทุกคนควรทำคือการตั้งสติ แล้วสังเกตลักษณะของงูว่ามีรูปร่าง สี ลวดลาย และพฤติกรรมอย่างไร เพื่อระบุชนิดของงูซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินระดับอันตราย แต่ควรสังเกตจากระยะที่ปลอดภัยและไม่เข้าใกล้งูโดยเด็ดขาด ถ้าเป็นไปได้ให้ถ่ายรูปเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยระบุชนิด

2. แจ้งเตือนคนในบ้าน

เมื่องูเข้าบ้าน สิ่งแรกที่ต้องทำคือต้องรีบแจ้งเตือนคนในบ้านให้รู้ตัว และให้ทุกคนหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่พบงู เพื่อความปลอดภัย และป้องกันอันตรายจากการถูกงูกัด ที่สำคัญควรระวังไม่ให้เด็กหรือสัตว์เลี้ยงเข้าใกล้

3. หลีกเลี่ยงการจับงูเอง

การจับงูเองโดยไม่มีความรู้หรือมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต

4. ติดต่อเจ้าหน้าที่

งูเข้าบ้านควรติดต่อเจ้าหน้าที่ทันที ไม่ว่าจะเป็น

• เบอร์ 199 : ติดต่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงหรือหน่วยกู้ภัย ที่มีอุปกรณ์และความรู้ในการจัดการกับงู
• เบอร์ 1669 : ในกรณีที่โดนงูกัด ติดต่อแพทย์ฉุกเฉินเพื่อทำการปฐมพยาบาลและรักษาได้ทันท่วงที

5. ปิดช่องทางที่งูเข้ามา

เมื่อพบว่างูเข้าบ้านควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่เสี่ยง และควรปิดช่องทางต่างๆ เพื่อไม่ให้งูเข้าบ้านได้อีก

1. ไล่ด้วยน้ำมันกลิ่นฉุน

เมื่อพบเจองูบริเวณบ้านบ่อยๆ ควรนำน้ำมันกลิ่นฉุนมาฉีดหรือเทราดบริเวณบ้าน เพราะงูเป็นสัตว์ที่ไวต่อการรับกลิ่น เมื่อได้กลิ่นน้ำมันก็จะเลื้อยหนี นอกจากนี้เมื่องูเลื้อยมาเจอบริเวณที่ราดน้ำมันไว้ก็จะทำให้เสียสมดุลในการเคลื่อนไหวได้

2. โรยหินกรวด

จัดสวนรอบบ้าน แนะนำให้ใช้วิธีโรยกรวด ตกแต่งบริเวณโดยรอบเพราะนอกจากจะทำให้ดูมีระเบียบ ไม่รกแล้ว การโรยหินกรวดเล็กๆ ยังช่วยป้องกันงูได้ดี เนื่องจากหินกรวดที่มีลักษณะขรุขระทำให้งูเลื้อยยาก ทำให้งูไม่อยากเลื้อยเข้าบ้าน

3. เลี้ยงหมา

หมาเป็นสัตว์ที่มีจมูกไวต่อกลิ่น เมื่อมีกลิ่นแปลกปลอมเข้ามาภายในบริเวณบ้านก็จะรู้ตัวเร็ว นอกจากนี้หมายังเป็นสัตว์ที่มีสัญชาตญาณนักล่า เมื่อมีงูเข้าบ้าน มักจะเห่าหรือทำเสียงดัง เพื่อเตือนเจ้าของ

4. ดูแลบ้านให้สะอาด

ปัญหาบ้านรกสกปรกนอกจากจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต่างๆ แล้ว ยังทำให้เป็นที่อยู่อาศัยของหนูอีกด้วย เมื่อบ้านมีหนูจำนวนมาก งูก็จะตามมาหาอาหารตามสัญชาตญาณ ดังนั้นการทำความสะอาดบ้านให้มีความสะอาดอยู่เสมอ ถือเป็นการป้องกันงูเข้าบ้านได้เป็นอย่างดี

5. ตาข่ายป้องกันงู

หากพบว่าบริเวณรั่วบ้าน หรือใต้ฐานบ้านเกิดการสึกจนมีช่องโหว่ รูโหว่นั้นอาจเป็นจุดที่งูเลื้อยเข้ามาภายในบ้านได้ การติดตั้งตาข่ายกันงูรอบบ้านและบริเวณทางเข้า ถือเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันงูเข้าบ้านได้ เนื่องจากงูจะเลื้อยผ่านตาข่ายไม่ได้นั่นเอง

1. สภาพแวดล้อมรอบ ๆ บ้าน

หากบริเวณพื้นที่ตั้งบ้านอยู่ใกล้ป่า หรือแหล่งน้ำ พื้นที่เหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัยของงู ก็จะทำให้งูเลื้อยเข้ามาในบ้านได้ง่ายขึ้น เพื่อหาอาหาร ดังนั้นควรมีแนวทางในการป้องกันงูเข้าบ้าน เพื่อความปลอดภัยสมาชิกภายในบ้าน

2. สภาพแวดล้อมภายในบ้าน

สภาพภายในบ้านก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้งูเข้ามาภายในบ้านได้ หากพื้นที่ภายในบ้านรก ไม่สะอาด มีหญ้าขึ้นรกทึบรอบบ้าน ถือเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่งูชอบ ก็จะทำให้งูเข้ามาอยู่อาศัยภายในบ้านได้ ดังนั้นเราควรทำความสะอาดพื้นที่รอบ ๆ บ้าน หมั่นตัดเล็มหญ้าไม่ให้ขึ้นสูง

3. มีแหล่งอาหารของงู

งูเป็นนักล่า ที่มีความไวต่อกลิ่น งูจะใช้ลิ้นในการในการสัมผัสเพื่อรับรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว โดยเฉพาะการรับกลิ่น ที่จะมีความแม่นยำเป็นพิเศษ จนขนาดบอกถึงทิศทางของกลิ่นมด ดังนั้นหากบริเวณบ้านของคุณมีหนู กบ ไก่ หรือว่าสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน ซึ่งเป็นอาหารของงูก็จะเป็นตัวดึงดูดให้งูเข้ามาภายในบ้านได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

4. ไม่มีศัตรูสู้กับงู

โดยธรรมชาติแล้วสัตว์ที่เป็นศัตรูกับงูคือนกนักล่าที่จะคอยจิกงูกินเป็นอาหาร นอกจากสัตว์นักล่าแล้ว สุนัข แมว และห่านก็เป็นสัตว์ที่ไม่ถูกกับงูเช่นเดียวกัน เมื่อเจอทีไรเป็นต้องไล่กัด ไล่จิกทำให้งูหนีไป

1. ประตู

สำหรับบ้านที่ชอบเปิดประตูทิ้งไว้ หรือปิดประตูไม่สนิทเป็นช่องทางหลักที่ทำให้งูสามารถเข้ามาในบ้านได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะประตูที่ไม่มีกระจกหรือมุ้งลวดกันแมลง ดังนั้นควรปิดประตูให้แน่นหนา และตรวจสอบให้มั่นใจว่าไม่มีช่องว่างที่งูจะเล็ดลอดผ่านประตูเข้าไปในบ้านได้

2. หน้าต่าง

หน้าต่างก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่งูสามารถเลื้อยเข้าตัวบ้านได้ โดยเฉพาะบ้านที่ไม่ได้ติดมุ้งลวด และชอบเปิดหน้าต่างทิ้งไว้งูสามารถเล็ดลอดเข้ามาในบ้านได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นควรปิดหน้าต่างให้สนิท หรือเลือกติดมุ้งลวดเพื่อป้องกันไม่ให้งูเข้าบ้าน นอกจากควรตรวจสอบความเรียบร้อยของกรอบหน้าต่างว่ามีช่องว่างเล็ก ๆ ที่งูสามารถเลื้อยเข้ามาได้ไหม

3. ช่องลมรอบตัวบ้าน

หากมีช่องว่างหรือรอยรั่วบริเวณช่องลมที่อยู่รอบบ้านก็จะเป็นจุดที่งูอาจเข้ามาได้ ดังนั้นผู้ที่อยู่อาศัยควรหมั่นตรวจสอบช่องลมรอบบ้านให้ดี โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความชื้นหรือเปียกอาจเป็นแหล่งที่งูจะเข้ามาหลบซ่อน การปิดช่องลมให้สนิทก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการที่งูจะเลื้อยเข้ามา

4. รอยร้าวรอบบ้าน

บ้านที่มีรอยร้าวทั้งจากกำแพงรอบ ๆ บ้าน หรือจะเป็นรอยร้าวที่ฐานบ้าน จนเป็นช่องโหวขนาดใหญ่เป็นช่องทางที่งูสามารถเลื้อยเข้าไปในบ้านได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าบ้านมีอายุหลายปีและไม่ได้รับการดูแลซ่อมแซมอย่างสม่ำเสมอ รอยร้าวเล็ก ๆ ก็อาจกลายเป็นช่องทางที่งูจะเข้าไปได้ง่าย ดังนั้นควรตรวจสอบสภาพโดยรอบของบ้านอย่างละเอียดและดำเนินการซ่อมแซมจุดที่มีรอยร้าวหรือรูให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์มีพิษ

5. ชักโครกหรือบ่อพักสิ่งปฏิกูล

ชักโครกและบ่อพักสิ่งปฏิกูลเป็นช่องทางที่งูอาจเข้ามาในบ้านได้ โดยเฉพาะในบ้านที่มีระบบท่อระบายน้ำไม่ดีหรือท่อที่ชำรุด งูจึงสามารถเลื้อยเข้ามาผ่านท่อหรือช่องระบาย การติดตั้งตะแกรงหรืออุปกรณ์ป้องกันที่ช่องระบายอากาศและชักโครกเป็นวิธีป้องกันงูเข้าบ้านได้ นอกจากนี้ควรตรวจสอบระบบท่ออย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้าน