มนุษย์เงินเดือนที่ตัดสินใจกู้เงินซื้อบ้านกับธนาคาร แน่นอนว่าต้องขอข้อเสนอดอกเบี้ยถูกไว้ก่อน ดังนั้นช่วง 3 ปีแรกของการผ่อนบ้าน รูปแบบของดอกเบี้ยที่เจอจะเป็นลักษณะดอกเบี้ยคงที่ (MRR) หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะเข้าสู่ภาวะดอกเบี้ยลอยตัว (MLR) ทันที เหตุนี้จึงทำให้มนุษย์เงินเดือนหลายคนหาทางออกเพื่อไม่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่ผันแปรไปตามเศรษฐกิจและข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยการขอยื่น Refinance กับธนาคารใหม่ หรือไม่ก็ทำการ Retention ทำธนาคารเดิม ซึ่งหลายคนอาจกำลังสับสนว่าการ Refinance กับการ Retention บ้านนั้นคืออะไร ต่างกันแค่ไหน และการผ่อนแบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน
Retention คือ การขอลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับธนาคารเดิม เมื่อคุณผ่อนบ้านในอัตราดอกเบี้ยคงที่จนครบ 3 ปีแล้ว จะสามารถทำการยื่นเรื่องกับธนาคารเดิมที่ตนเองกู้บ้านเพื่อขอต่อรองอัตราดอกเบี้ยในเรทต่ำได้
Refinance คือ การขอยื่นกู้สินเชื่อบ้านกับธนาคารใหม่ เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยบ้านต่ำลง ซึ่งจะช่วยให้ยอดผ่อนต่อเดือนน้อยลงและผ่อนบ้านได้หมดไวยิ่งขึ้น
เมื่อเข้าใจความหมายและวัตถุประสงค์ของทั้งสองคำแล้ว ถึงเวลาที่มนุษย์เงินเดือนมาค้นหาคำตอบความคุ้มค่าของวิธีการยื่นเรื่องกับธนาคารเพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในเรทต่ำ ดังตัวอย่าง
นายแสนกู้เงินซื้อบ้านโครงการสิริ เพลส ราชพฤกษ์-นครอินทร์ ราคา 4 ล้านบาท โดยยื่นกู้กับธนาคาร โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละ 4.52% ผ่อนเดือนละ 20,315 บาท และตัดสินใจทำการ Retention ดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิมจะได้อัตราดอกเบี้ยลดลงเหลือปีละ 4.00% ทำให้มียอดผ่อนลดลงเหลือเดือนละ 19,097 บาท ทำให้ประหยัดไป 1,218 บาท/เดือน
นางสิริกู้เงินซื้อบ้านโครงการอณาสิริ ติวานนท์-ศรีสมาน ในราคา 5.59 ล้านบาท โดยยื่นกู้กับธนาคารเดิม โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละ 4.52% ผ่อนเดือนละ 28,390 บาท และตัดสินใจทำการ Refinance กับธนาคารใหม่จะได้อัตราดอกเบี้ยลดลงเหลือปีละ 3.66% ทำให้มียอดผ่อนลดลงเหลือเดือนละ 25,603 บาท ทำให้ประหยัดไป 2,787 บาท/เดือน
จากตัวอย่างข้างต้น ทำให้เห็นว่าวิธีการขออัตราดอกเบี้ยบ้านในเรทต่ำกับธนาคารด้วยการ Refinance นั้นทำให้มีเงินประหยัดต่อเดือน และคุ้มค่ามากกว่าการ Retention ดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม
Retention | ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|---|
1. การ Retention ดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิมไม่ต้องเสียเวลายื่นเอกสาร ติดต่อกับธนาคารใหม่ เตรียมแค่สัญญาเงินกู้ ทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชน |
ได้ลดอัตราดอกเบี้ยไม่เยอะ โดยอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด | |
2. มีค่าใช้จ่ายเพียงแค่ค่าธรรมเนียมสินเชื่อ 1-2% ของวงเงินกู้ | ||
3. ระยะเวลาในการอนุมัติรวดเร็ว | ||
Refinance | ข้อดี | ข้อเสีย |
1. ได้อัตราดอกเบี้ยในเรทต่ำ | 1. เตรียมเอกสารการขอกู้ใหม่ทั้งหมด | |
2. สามารถเปรียบเทียบเลือกอัตราดอกเบี้ยในเรทต่ำได้หลายธนาคาร | 2. มีค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายดังนี้
|
|
3. ใช้เวลาในการอนุมัติ |
เมื่อเข้าใจเรื่องการ Refinance และ Retention บ้านพร้อมเข้าใจความคุ้มค่าของการขออัตราดอกเบี้ยบ้านในเรทต่ำแล้ว สำหรับใครที่จะซื้อบ้านในตอนนี้ นอกจากธนาคารจะช่วยแบ่งเบาภาระลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านแล้ว แสนสิริยังมีโปรโมชันดี ๆ อย่าง โปร Big Match แมทช์ด้วยตัวเองได้แล้ววันนี้! ชอบโปรไหน ไปโปรนั้น ให้คุณได้บ้านที่คุ้มที่สุด วันนี้ - 31 ธ.ค.65
ฤกษ์มงคลขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน เปิดร้านค้า 2566 วันไหนดี แสนสิริมีคำตอบ อ่านเพิ่มเติม >
ขั้นตอนและค่าธรรมเนียมโอนบ้าน โอนคอนโด เรื่องสำคัญที่ควรรู้ อ่านเพิ่มเติม >
ประกัน mrta คืออะไร และ 5 เทคนิคลดดอกเบี้ยบ้าน ตัวช่วยหมดหนี้บ้านเร็ว อ่านเพิ่มเติม >
อัพเดทเส้นทาง BTS MRT ปี 2566 พร้อมเจาะทำเลน่าอยู่ น่าลงทุน อ่านเพิ่มเติม >
สัมผัสความอัจฉริยะ ของแบบบ้านสมาร์ทโฮม เพียงปลายนิ้วสัมผัส อ่านเพิ่มเติม >
เผย 5 เทคนิคลดดอกเบี้ยบ้าน สิ่งที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนหลายคนปวดหัว พร้อมช่วยลดภาระหนี้และเพิ่มโอกาสปลอดหนี้บ้านได้เร็วขึ้น
อัพเดทดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ พร้อมเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารชั้นนำ และเครื่องมือคำนวณเงินกู้เบื้องต้น
อัพเดทอัตราดอกเบี้ย สินเชื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารชั้นนำ พร้อมสาระความรู้เกี่ยวกับดอกเบี้ยบ้าน และเครื่องมือคำนวณเงินกู้เบื้องต้น
ฤกษ์มงคลขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน เปิดร้านค้า 2566 วันไหนดี แสนสิริมีคำตอบ อ่านเพิ่มเติม >
ขั้นตอนและค่าธรรมเนียมโอนบ้าน โอนคอนโด เรื่องสำคัญที่ควรรู้ อ่านเพิ่มเติม >
ประกัน mrta คืออะไร และ 5 เทคนิคลดดอกเบี้ยบ้าน ตัวช่วยหมดหนี้บ้านเร็ว อ่านเพิ่มเติม >
อัพเดทเส้นทาง BTS MRT ปี 2566 พร้อมเจาะทำเลน่าอยู่ น่าลงทุน อ่านเพิ่มเติม >
สัมผัสความอัจฉริยะ ของแบบบ้านสมาร์ทโฮม เพียงปลายนิ้วสัมผัส อ่านเพิ่มเติม >