การมีบ้านเป็นของตัวเองไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป แม้ราคาอสังหาริมทรัพย์จะสูงขึ้น แต่เราก็สามารถเป็นเจ้าของบ้านหรือคอนโดได้ โดยการกู้ร่วม เพราะกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้านเป็นการรวมพลังทางการเงินของผู้กู้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อให้มากขึ้น รวมถึงอาจได้วงเงินที่สูงขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตามการกู้ร่วมนั้นเป็นเหมือนดาบสองคมที่จะต้องแบกรับภาระผูกพันร่วมกันไปอีกหลายสิบปี การตัดสินใจกู้ร่วมซื้อคอนโด กู้ร่วมซื้อบ้าน จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและละเอียดถี่ถ้วน เหตุนี้จึงอยากชวนทุกคนไปรู้จักกับการกู้ร่วมให้มากขึ้น เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาว่าเราเหมาะกับการกู้ร่วมไหม
การกู้ร่วม คือ การร่วมเซ็นสัญญายื่นกู้ซื้อทรัพย์สินชิ้นเดียวกัน โดยผู้กู้ร่วมต้องเป็น คู่สมรส พ่อแม่ พี่น้อง หรือญาติ การกู้ร่วมเป็นการแสดงให้สถาบันการเงินเห็นว่าผู้ร่วมรับภาระหนี้มีความสามารถทางการเงินเพียงพอ ที่จะผ่อนชำระเงินต้น และดอกเบี้ยคืนได้ตามสัญญา เพื่อให้สถาบันทางการเงินอนุมัติการขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
เมื่อพ่อค้าแม่อยากกู้ซื้อบ้าน กู้ร่วมคือคำตอบหรือไม่ หาคำตอบได้ที่นี่
เหตุผลที่หลายๆ คนหันมาสนใจการกู้ร่วมซื้อบ้าน ส่วนมากจะเกิดจากการที่กู้ไม่ผ่านเพราะมีฐานรายได้ไม่เพียงพอที่จะรับผิดชอบหนี้สิน รวมถึงมีหลักฐานทางการเงินไม่เพียงพอ ขาดความน่าเชื่อถือ หรือมีประวัติการชำระหนี้ไม่ดี จึงต้องหาคนกู้ร่วม เพื่อที่จะซื้อบ้าน-คอนโด ให้ได้ตามที่หวัง
หลายคนมักเข้าใจผิด ว่าการกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้าน และการค้ำประกันคือสิ่งเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้ว การกู้ร่วมและการค้ำประกันมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในด้านกรรมสิทธิ์และความรับผิดชอบ โดยการกู้ร่วมคือการเป็นเจ้าของทรัพย์สินร่วมกันและมีหน้าที่รับผิดชอบหนี้สินร่วมกันตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนการค้ำประกัน เป็นเพียงการให้คำมั่นว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบหนี้แทน ในกรณีที่ผู้กู้หลักผิดนัดชำระหนี้เท่านั้น โดยไม่มีกรรมสิทธิ์ใด ๆ ในทรัพย์สินนั้น
ความแตกต่าง กู้ร่วมซื้อบ้าน vs ค้ำประกันซื้อบ้าน |
กู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้าน |
ค้ำประกันซื้อคอนโดหรือบ้าน |
---|---|---|
กรรมสิทธิ์ |
เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ร่วมกันตามสัดส่วนที่ตกลง |
ผู้ที่ค้ำประกันไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ |
ความรับผิดชอบ |
รับผิดชอบหนี้ร่วมกัน 100% ตั้งแต่เริ่มสัญญา จนจบสัญญา |
เมื่อผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดชอบหนี้แทน |
การคำนวณวงเงิน |
นำรายได้ของผู้กู้ร่วมทุกคนมาคำนวณรวมกัน |
พิจารณารายได้ของผู้กู้หลักเพียงคนเดียว |
สิทธิ์ทางภาษี |
สามารถนำดอกเบี้ยไปลดหย่อนภาษีได้ตามสัดส่วน |
ไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ |
การทำธุรกรรม |
การขายหรือรีไฟแนนซ์ต้องได้รับความยินยอมจากทุกคน |
ผู้ค้ำประกันไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจเกี่ยวกับทรัพย์สิน |
การกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้านนั้น สถาบันการเงินจะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้กับการกู้ร่วมระหว่างบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและสามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์นั้นได้อย่างชัดเจน เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งผู้ที่สามารถขอกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้านด้วยกันได้ มีดังนี้
ใครที่อยากกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้าน สามารถกู้ร่วมกับคนในครอบครัวที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดได้ เช่น พ่อ-แม่ กับ ลูก หรือ พี่-น้อง การกู้ร่วมกับคนในครอบครัวถือเป็นรูปแบบที่สถาบันการเงินยอมรับมากที่สุด เนื่องจากเป็นความสัมพันธ์ที่มั่นคงและชัดเจน สำหรับเอกสารที่ต้องใช้เพื่อยืนยันความสัมพันธ์คือสูติบัตรและทะเบียนบ้าน ในบางกรณีหากมีการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล ก็ต้องแนบเอกสารใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลประกอบการพิจารณาด้วย
อีกหนึ่งความสัมพันธ์ที่สามารถกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้านได้ คือคู่สามี-ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย ถือเป็นคุณสมบัติที่ธนาคารให้การยอมรับเป็นอันดับต้นๆ ในการกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้านเช่นกัน รวมถึงคู่สมรสที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ซึ่งจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้อง ก็สามารถใช้สิทธิ์ในการกู้ร่วมได้เช่นเดียวกันกับคู่สมรสชาย-หญิงทุกประการ โดยต้องใช้ทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานสำคัญในการยื่นขอสินเชื่อ
สำหรับคู่รักที่อยู่ด้วยกัน โดยที่ไม่จดทะเบียนสมรส ไม่ว่าจะเป็นคู่รักชาย-หญิง หรือคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ ก็สามารถยื่นกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้านได้เช่นกัน แต่กระบวนการอาจมีความซับซ้อนกว่า โดยต้องแสดงหลักฐานที่พิสูจน์ความสัมพันธ์เป็นสามีภรรยาอย่างชัดเจนและน่าเชื่อถือ เช่น การมีบุตรด้วยกัน (ใช้สูติบัตรของบุตร) การเปิดบัญชีเงินฝากร่วมกัน หรือภาพถ่ายงานแต่งงาน ซึ่งการอนุมัติจะขึ้นอยู่กับนโยบายและดุลยพินิจของแต่ละสถาบันการเงิน
สำหรับเงื่อนไขการกู้ร่วมและขั้นตอนการซื้อบ้านแบบกู้ร่วม LGBTQ+ เบื้องต้นเหมือนกับคู่รักชาย-หญิงทุกประการ คือ พิจารณาคุณสมบัติและวงเงินจากปัจจัยรายได้/ภาระหนี้ และอายุขั้นต่ำเป็นหลัก? ธนาคารส่วนใหญ่ไม่กำหนดรายได้ขั้นต่ำ แต่จะพิจารณาสัดส่วนภาระหนี้เทียบกับรายได้เป็นหลัก เพื่อประเมินว่าผู้กู้จะผ่อนไหวหรือไม่ และผ่อนต่อเดือนได้มากน้อยเพียงใด
ธนาคาร | เงินเดือน/ภาระหนี้ | อายุ (ขั้นต่ำ - สูงสุด) | วงเงินสูงสุดที่อนุมัติ |
---|---|---|---|
กรุงศรีอยุธยา | ผู้กู้หลักต้องมีรายได้ 50,000 บาท ต่อเดือนขึ้นไป | 30 - 65 | ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคาร |
กสิกรไทย | ขั้นต่ำ 15,000/เดือน และภาระหนี้ไม่เกิน 70% ของรายได้ | 20 - 70 | 100% |
ยูโอบี | ขั้นต่ำ 20,000/เดือน และภาระหนี้ไม่เกิน 70% ของรายได้ | ไม่เกิน 70 ปี (สำหรับมนุษย์เงินเดือน และหน่วยงานราชการ) และไม่เกิน 75 ปี (สำหรับเจ้าของกิจการ) | 100% |
กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขการยื่นกู้กับทางธนาคารโดยตรง
การตัดสินใจกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้าน ไม่ได้มีดีแค่ทำให้มีบ้านในฝันเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมข้อดีอีกหลายประการ ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้สถานะทางการเงินของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น
การกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้านนั้น ในมุมมองของสถาบันการเงิน การอนุมัติสินเชื่อคือการประเมินความเสี่ยง การมีผู้กู้เพียงคนเดียวหมายความว่าความเสี่ยงทั้งหมดจะตกอยู่ที่บุคคลนั้น หากผู้กู้ประสบปัญหาทางการเงินกะทันหัน เช่น ตกงาน ประสบอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วย จนไม่สามารถทำงานได้ ความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ก็จะหายไปทันที ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธนาคารโดยตรง
แต่การกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้าน เป็นการกระจายความเสี่ยง ไปยังบุคคลที่สองหรือสาม หากผู้กู้คนหนึ่งเกิดปัญหา อีกคนก็ยังคงมีหน้าที่และความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ต่อไป ทำให้กระแสเงินสดไม่สะดุด สิ่งนี้เปรียบเสมือนการสร้างกันชนหรือเบาะรองรับความเสี่ยงที่ทำให้ธนาคารเกิดความมั่นใจและมองว่าการปล่อยสินเชื่อในครั้งนี้มีความปลอดภัยสูงขึ้น ความน่าเชื่อถือของใบสมัครสินเชื่อจึงเพิ่มขึ้นด้วย
การกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้าน สถาบันการเงินจะทำการพิจารณาคุณสมบัติของผู้กู้ร่วมประกอบกัน บางครั้งในกรณีที่ผู้กู้หลักอาจมีคุณสมบัติบางอย่างที่ไม่เข้าเกณฑ์ของธนาคาร เช่น มีรายได้เฉียดฉิวกับเกณฑ์ขั้นต่ำ มีภาระหนี้อื่นอยู่แล้ว อายุงานยังไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด หรืออาจมีประวัติทางการเงินที่ไม่ราบรื่นนักในอดีต คุณสมบัติเหล่านี้อาจเป็นเหตุผลให้ธนาคารปฏิเสธคำขอสินเชื่อได้ แต่เมื่อมีการกู้ร่วมซื้อคอนโด ผู้กู้ร่วมมีคุณสมบัติที่เหมาะสม โปรไฟล์ของผู้กู้ร่วมก็จะถูกนำมาพิจารณา ทำให้ภาพรวมของใบสมัครดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ธนาคารจะมองว่ามีศักยภาพในการชำระหนี้ โอกาสที่สินเชื่อจะได้รับการอนุมัติจึงเพิ่มสูงขึ้น
การคำนวณเงินกู้สูงสุด สถาบันการเงินจะใช้รายได้และความสามารถในการผ่อนชำระของผู้กู้เป็นหลัก หากเรายื่นกู้คนเดียว วงเงินที่ได้ก็จะถูกจำกัดอยู่บนฐานรายได้ของเราเพียงคนเดียว ซึ่งอาจไม่เพียงพอที่จะซื้อบ้านหรือคอนโดในทำเลหรือขนาดที่ต้องการ แต่เมื่อทำการกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้าน ธนาคารจะนำรายได้ของผู้กู้ทุกคนมารวมกันเป็นฐานในการคำนวณ เช่น หากผู้กู้หลักมีรายได้ 30,000 บาท และผู้กู้ร่วมมีรายได้ 40,000 บาท ธนาคารจะใช้ฐานรายได้ 70,000 บาทในการพิจารณา ซึ่งจะทำให้วงเงินอนุมัติสูงสุดเพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็นการเปิดโอกาสให้เราสามารถเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาสูงขึ้นได้
การผ่อนชำระสินเชื่อบ้านหรือคอนโดเป็นภาระผูกพันระยะยาวที่กินเวลา 20-30 ปี การต้องแบกรับภาระค่างวดจำนวนมากเพียงลำพังในทุก ๆ เดือน เป็นสร้างความตึงเครียดทางการเงินและส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องได้ การกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้าน จึงเป็นทางออกที่ช่วยแบ่งเบาภาระได้ การมีผู้กู้ร่วมหมายถึงการมีคนช่วยหารค่าผ่อนชำระในแต่ละเดือน ทำให้ยอดที่แต่ละคนต้องจ่ายลดลง เมื่อภาระทางการเงินส่วนนี้น้อยลง ก็จะทำให้แต่ละคนมีเงินเหลือไปใช้จ่ายในด้านอื่น ๆ มีเงินสำหรับเก็บออม หรือนำไปลงทุนต่อยอดได้มากขึ้น
กู้ร่วมซื้อบ้าน vs ค้ำประกันซื้อบ้าน ต่างกันอย่างไร
สำหรับเอกสารหลักฐานในการขอยื่นกู้กับธนาคาร เพื่อให้ขั้นตอนการอนุมัติรวดเร็วยิ่งขึ้น จะต้องเตรียมเอกสารสำคัญ 3 ชุดให้ครบถ้วน ได้แก่ เอกสารส่วนตัว, เอกสารการเงิน และเอกสารสินทรัพย์
เอกสารส่วนตัว | เอกสารการเงิน | เอกสารสินทรัพย์ |
---|---|---|
ยื่นกู้ทั่วไป
|
ผู้มีรายได้ประจำ
|
สำเนาสัญญาซื้อขาย |
กรุณาตรวจสอบเอกสารการยื่นกู้กับทางธนาคารโดยตรง ตารางนี้เป็นเพียงการรวบรวมข้อมูล ณ วันที่ 30 มี.ค. 2566 เท่านั้น
การกู้ร่วมซื้อคอนโด หรือบ้านนอกจากจะมีข้อดีมากมายแล้ว ก็ยังมีอีกหลาย ๆ ประเด็นสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจ และพิจารณา ตกลงกันให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการกู้ร่วมหลัก ๆ มีด้วยกัน 4 ข้อ ดังนี้
การกู้ร่วมนอกจากเราจะได้กรรมสิทธิ์ของอสังหาริมทรัพย์ร่วมกันแล้ว ยังต้องรับผิดชอบหนี้ร่วมกันด้วย ซึ่งคำว่า "หนี้ร่วม" ตามกฎหมาย หมายความว่า ผู้กู้ร่วมทุกคนต้องรับผิดชอบในภาระหนี้สินทั้งหมด 100% ร่วมกัน หรือที่เรียกว่า "ลูกหนี้ร่วม" ไม่ใช่การหารครึ่งตามจำนวนคน ซึ่งหมายความว่า หากผู้กู้คนใดคนหนึ่งหยุดผ่อนชำระ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผู้กู้ร่วมที่เหลือจะมีหน้าที่ตามกฎหมายในการรับผิดชอบชำระค่างวดทั้งหมดแทน ไม่ใช่แค่ในส่วนของตนเองเท่านั้น ธนาคารมีสิทธิ์เต็มที่ในการติดตามทวงถามหนี้จากผู้กู้ร่วมคนใดคนหนึ่งก็ได้ เป็นหนึ่งความเสี่ยงที่ต้องเตรียมใจ ที่จะต้องแบกรับภาระหนี้ทั้งหมดเพียงลำพังหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
เมื่อเราทำการกู้ร่วม สถานะการเป็นหนี้สินเชื่อบ้านก้อนนี้ จะปรากฏอยู่ในข้อมูลเครดิตบูโรของผู้กู้ร่วมทุกคน ซึ่งข้อมูลนี้จะถูกนำไปใช้ในการคำนวณอัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ทุกครั้งที่เรายื่นขอสินเชื่อใหม่ในอนาคต แม้ว่าเราจะจ่ายค่างวดเพียงครึ่งเดียว แต่ในระบบจะแสดงภาระหนี้เต็มจำนวน ทำให้ DTI ของเราสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ความสามารถในการขอสินเชื่ออื่น ๆ เช่น สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล หรือแม้แต่การกู้ร่วมซื้อคอนโดหลังต่อไปในอนาคตทำได้ยากขึ้น หรืออาจได้รับวงเงินน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น
การกู้ร่วมซื้อคอนโด หรือบ้าน ผู้กู้ทุกคนมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ดังนั้นการตัดสินใจใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากทุกคน แบบเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ว่าจะเป็นการขาย การจดจำนองเพิ่มเติม การปล่อยเช่า หรือการรีไฟแนนซ์ หากผู้กู้ร่วมคนใดคนหนึ่งไม่เห็นด้วย ก็จะไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้น ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลง หรือทำธุรกรรมใด ๆ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่กู้ร่วมกัน ควรมีการพูดคุยและทำข้อตกลงร่วมกันเสมอ
การกู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้น มีสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี จากดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปีนั้น ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่ให้ต่อ "ทรัพย์สิน" 1 แห่ง ไม่ใช่ต่อ "บุคคล"
ดังนั้น ในกรณีของการกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้าน สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษี 100,000 บาท จะต้องถูกหารเฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้ร่วม เช่น หากกู้ร่วม 2 คน แต่ละคนจะสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดคนละ 50,000 บาทเท่านั้น ไม่ใช่คนละ 100,000 บาท การทำความเข้าเรื่องลดหย่อนภาษีก่อน จะช่วยให้วางแผนภาษีได้อย่างถูกต้อง
อย่างที่เราได้แนะนำไปเบื้องต้นว่าการกู้ร่วม อาจทำให้การกู้สัญญาอื่น ๆ ยากขึ้น เนื่องจากสถานะการเป็นหนี้สินเชื่อบ้านในสัญญาแรก จะถูกคิดคำนวณอัตราส่วนภาระหนี้ ต่อรายได้ทุกครั้งที่เรายื่นขอสินเชื่อใหม่ แต่มาตรการ LTV ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการผ่อนปรนหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ที่เกี่ยวข้องกับการกู้ร่วม เพื่อช่วยเหลือให้เราสามารถมีบ้านเป็นของตัวเองได้ง่ายขึ้น
โดยมาตรการ LTV ล่าสุด ในส่วนของการกู้ร่วม ผู้ที่ทำการกู้ร่วม ที่ไม่ได้เป็นผู้กู้หลัก และไม่มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ จะไม่ถูกนับว่าเป็นการกู้ในครั้งนั้น แต่จะถือว่าเป็นการช่วยเหลือคนในครอบครัว ซึ่งภายใต้หลักเกณฑ์ LTV ใหม่ที่ผ่อนปรนนี้ ผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย จะสามารถทำได้ โดยจะถูกนับเป็น "สัญญาที่ 1" ทำให้สามารถขอสินเชื่อได้เต็ม 100% (กรณีราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท) เหมือนคนซื้อบ้านหลังแรก ซึ่งการผ่อนปรนหลักเกณฑ์ LTV นี้ ช่วยให้การกู้ร่วมซื้อคอนโดหรือบ้านง่ายขึ้น
3 ทางเลือกที่จะช่วยให้การกู้ร่วมสำหรับ LGBTQ เป็นเรื่องง่าย
แม้ว่าการกู้ร่วมซื้อบ้านจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่มีกำลังทรัพย์ไม่เพียงพอ แต่ถึงกระนั้นก็ต้องคำนึงถึงข้อควรระวังหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นภาระเงินผ่อนที่ต้องแบกรับ เรื่องผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ รวมถึงควรทราบข้อมูลของผู้กู้ร่วมให้ดีก่อนตัดสินใจจะมีบ้านในฝันสักหลังร่วมกัน เนื่องจากถ้าจะทำการถอนชื่อจากการเป็นผู้กู้ร่วมภายหลัง จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก
รู้จักว่าการกู้ร่วมคืออะไร และเข้าใจขั้นตอนการกู้ซื้อบ้านกับธนาคารแล้ว หากเกิดข้อสงสัยเพิ่มเติมเรื่องการกู้บ้าน กังวลเรื่องกู้ไม่ผ่าน วางแผนไม่เป็น ไม่แน่ใจจะปรึกษาใครดี เรามี ที่ปรึกษาวางแผนการเงินจากแสนสิริ ผ่านการอบรมจากสถาบันการเงินชั้นนำ ดูแลให้คำปรึกษาอยู่เคียงข้างคุณ และดูแลคุณจนโอนบ้านพร้อมอยู่
อ่าน Home Buyer Guide ตอนที่ 4 : ทำเลกับอสังหา เรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
Q :
A :
กรณีผู้กู้ร่วมเสียชีวิตจะต้องแจ้งธนาคาร ไม่เช่นนั้นสัญญาจะไม่เปลี่ยนแปลง จากนั้นให้ทายาทหรือผู้จัดการมรดกของผู้เสียชีวิต (ที่ธนาคารประเมินแล้วว่าสามารถจ่ายหนี้ได้) เข้ามารับช่วงต่อการผ่อนชำระแทน
Q :
A :
เมื่อมีการเปลี่ยนใจในการตกลงกู้สินเชื่อร่วมกัน จะสามารถเลือกถอนชื่อกู้ร่วมซื้อบ้านหรือคอนโดได้ก็ต่อเมื่อธนาคารพิจารณาแล้วว่าผู้กู้ร่วมที่เหลืออยู่สามารถผ่อนชำระไหว หรือใกล้หมดสัญญาแล้ว แต่ถ้าธนาคารเห็นว่าผู้กู้ร่วมที่เหลืออยู่ผ่อนไม่ไหว ก็ต้องหาคนอื่นมากู้ร่วมซื้อบ้านหรือคอนโดแทน
Q :
A :
โดยทั่วไป ผู้กู้ร่วมทุกคนจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน เว้นแต่กำหนดไว้ในสัญญาโอนกรรมสิทธิ์เฉพาะคน
Q :
A :
LTV ยังคงคำนวณจาก ราคาประเมินคอนโดและจำนวนห้องที่ซื้อ ไม่ได้ขึ้นกับจำนวนผู้กู้ แต่การมีผู้กู้ร่วมช่วยให้ขอวงเงินเต็มได้ง่ายขึ้น
Q :
A :
ขึ้นอยู่กับธนาคาร ส่วนใหญ่ให้ผู้กู้หลักทำ MRTA แต่บางแห่งอาจเสนอให้ทั้งคู่ทำเพื่อความคุ้มครอง
ดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 1.50% แล้วคนซื้อบ้านได้ประโยชน์อะไร อ่านเพิ่มเติม >
ซื้อบ้านควรหันทิศไหนดี ทิศใต้หรือทิศเหนือตามฮวงจุ้ย อ่านเพิ่มเติม >
ผ่อนคอนโดเดือนละ 3,000-5,000 ทำได้จริงหรือหลอก? | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >
รวมมาตรการกระตุ้นซื้อบ้าน อสังหา 2568 ลดค่าโอน ดอกเบี้ยถูก | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >
ส้วมตัน ชักโครกกดไม่ลง มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีแก้ส้วมตันด้วยตัวเอง อ่านเพิ่มเติม >
โอกาสทองของคนกู้ซื้อบ้าน แม้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ปรับตัวลดลง ทั้งการคงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมของบางธนาคารหรือ ข้อเสนอสุดพิเศษ
อยากกู้บ้าน แต่ติดปัญหาเรื่องเงินเดือน กลัวจะไม่สามารถซื้อบ้านในฝันได้ และธนาคารจะไม่อนุมัติ แนะนำให้รีบส่องวิธีกู้บ้านจากฐานเงินเดือน รับรองได้ครอบครองบ้านในฝัน
ประกันอัคคีภัย เรื่องที่คนซื้อบ้าน ซื้อคอนโดจำเป็นต้องรู้ เพื่อที่จะเข้าใจและรู้ทันเรื่องประกัน พร้อมกับช่วยในการตัดสินใจว่าควรทำหรือไม่
โอกาสทองของคนกู้ซื้อบ้าน แม้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ปรับตัวลดลง ทั้งการคงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมของบางธนาคารหรือ ข้อเสนอสุดพิเศษ
อยากกู้บ้าน แต่ติดปัญหาเรื่องเงินเดือน กลัวจะไม่สามารถซื้อบ้านในฝันได้ และธนาคารจะไม่อนุมัติ แนะนำให้รีบส่องวิธีกู้บ้านจากฐานเงินเดือน รับรองได้ครอบครองบ้านในฝัน
ดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 1.50% แล้วคนซื้อบ้านได้ประโยชน์อะไร อ่านเพิ่มเติม >
ซื้อบ้านควรหันทิศไหนดี ทิศใต้หรือทิศเหนือตามฮวงจุ้ย อ่านเพิ่มเติม >
ผ่อนคอนโดเดือนละ 3,000-5,000 ทำได้จริงหรือหลอก? | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >
รวมมาตรการกระตุ้นซื้อบ้าน อสังหา 2568 ลดค่าโอน ดอกเบี้ยถูก | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >
ส้วมตัน ชักโครกกดไม่ลง มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีแก้ส้วมตันด้วยตัวเอง อ่านเพิ่มเติม >